บทความ... เรื่องที่ 1
เรื่อง สื่อออนไลน์, การล่มสลายของภาษาไทย
ภาษาเป็นตัวกลางสำคัญที่ใช้ในการสื่อสารของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติ เชื้อชาติใดก็ตามแต่
ล้วนแล้วแต่มีการประดิษฐ์อักษรภาษาขึ้นมาใช้ในการสื่อสารทั้งสิ้น เพราะภาษาจะช่วยให้เราเข้าใจ
ในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ โดยภาษาในแต่ละยุคสมัยนั้น ก็จะมัความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือไม่ดีนั้น มันเกิดตามกาลเวลา เพื่อให้ท่วงทันต่อสังคมโลก
ในปัจจุบันการใช้ภาษาไทยในการสื่อสารนั้นมีหลากหลายช่องทาง เช่น การพูด การเขียน เป็นต้น
บวกกับเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าเเละทันสมัยมากขึ้น ทำให้อิสระในการใช้ภาษาไทยก็มีเพิ่มขึ้น
โดยเราจะเห็นได้จากสื่อออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสื่อออนไลน์ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นมีการใช้สื่อออนไลน์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก ในการติดต่อสื่อสารชื่อกันและกัน
ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ภาษาไทยไปในทางที่เสื่อมเสีย หรือผิดหลักวิธีในการใช้ภาษา พฤติกรรม การใช้ภาษาเหล่านี้ในการพูด การเขียน เราเรียกว่า " การใช้ภาษาวิบัติ " หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำนี้ๆ เนื่องจากการพูดหรือการเขียนภาษาไทย ไม่ถูกต้อง เช่น "อะไร" "ทามมัย" "อยุหนัย" "มั้ย" เป็นต้น ซึ่งเป็นการเขียนที่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา แต่คนทุกคนรู้ดีว่า มันผิดทางหลักวิธีการใช้ภาษา
แต่ก็ยังใช้ภาษาเหล่านี้ในสื่อออนไลน์กันอย่างมากมาย เนื่องจากมันเขีียนหรือพิมพ์ง่ายและผู้รับสาร
ก็สารมารถเข้าใจสารตรงกันกับผู้ส่งสาร หรืออาจเกิดจากความขี้เกียจในการเขียนของบุคคล
แต่อย่างไรก็ดี ภาษาวิบัติเหล่านี้ก็ยังถูกใช้ในสื่อออนไลน์อย่างเป็นที่นิยม จนทำให้คนในสังคมลืมหลักการใช้ภาษาไทยไปเเล้ว คนในสังคมโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นควรที่จะเลิกใช้ภาษาวิบัติในการสื่อสารเพื่อให้ภาษาไทยได้คงอยู่และใช้ได้อย่างถูกต้องตามหลักภาษา
................................................................................................................
บทความ... เรื่องที่ 2
เรื่อง เที่ยวดอยปุย
สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยในฤดูหนาวมีมากมายหลายแห่ง
แต่ละที่ก็ต่างมีความสวยงามและแสนหนาวเพื่อให้สภาพของบรรยากาศได้เข้ากับฤดูหนาว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสกับกลิ่นอายของธรรมชาติ
ยอดดอย ภูเขา และอากาศหนาว
ข้าพเจ้าขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่
นั่นก็คือ ดอยปุย
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าอายุ
16
ปี
ช่วงเดือนมกราคมของฤดูหนาวในปีนั้น
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทยหลายจังหวัด
ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่
แพร่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา
ซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางสัญจรเที่ยวเลยก็ว่าได้
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การออกทริปเที่ยวในครั้งนี้จัดขึ้นโดยครอบครัวของข้าพเจ้าซึ่งเดินทางไปด้วยกัน
4
คน
คือ พ่อ แม่ พี่ชาย และตัวข้าพเจ้าเอง
ตลอดการเดินทางท่องเที่ยวข้าพเจ้าคิดว่าทุกๆที่ทุกๆแห่งนั้นล้วนแต่มีความสวยงามและน่าประทับใจ
แต่มีอยู่ที่แห่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าชื่นชอบและประทับใจมากที่สุดก็คือ
ดอยปุย
ดอยปุย
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
จังหวัดเชียงใหม่
เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่
24
ของประเทศ
มีลักษณะของพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในแนวเทือกเขาถนนธงไชย
ยอดดอยปุย สูง 1,685
เมตร
จากระดับน้ำทะเล
เป็นจุดสูงสุดของอุทาแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
สภาพภูมิอากาศจะหนาวเย็นชุ่มชื้น
เนื่องจากได้รับไอน้ำจากเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี
อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่อยู่ระหว่าง
10-12
องศาเซลเซียส
บนยอดดอยปกคลุมด้วยป่าสนเขาผืนใหญ่
และเป็นแหล่งดูนกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง
ดอยสุเทพ-ปุยเป็นถิ่นอาศัยของนกมากกว่า
300
ชนิด
ใกล้กับดอยปุยจะมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์
ซึ่งสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ
250
คน
อยู่ห่างจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ประมาณ
7
กิโลเมตร
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงาม
และมีความสำคัญยิ่ง คือ
เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชฯ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ
พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า
“เรือนหมู่”
มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์
ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย
ภายในประกอบไปด้วยท้องพระโรง
ห้องบรรทม ห้องเสวย และห้องสรง
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
..................................................................................................................................................
บทความ... เรื่องที่ 3
เรื่อง การกำเนิดของผีเสื้อ
ผี เสื้อ
หลัง จาก ที่ ผี เสื้อ ตัว เมีย วาง ไข่ แล้ว 2-3 วัน ก็ เริ่มปรากฏตัว หนอน เล็ก ๆ ขึ้น ภาย ใน ไข่ ประมาณ 5-10 วัน นับ จาก ที่ เริ่ม วาง ไข่ ตัว หนอน ที่ อยู่ ภาย ใน ก็ โต เต็ม ที่ มัน จะ ใช้ ปาก เจาะ เปลือก ไข่ ให้ แตก และ ดัน ตัว ออก มา จาก นั้น จึง เริ่ม กิน เปลือก ไข่ ของ ตัว เอง เป็น อาหาร มื้อ แรก ทัน ที ที่ โผล่ ออก มา ดู โลก ไม่ มี คำยืยยัน แน่ ชัด ว่า เพราะ เหตุ ใด หนอน ผี เสื้อ จึง ต้อง กิน เปลือก ไข่ ตัว เอง นัก วิทยา ศาสตร์ บาง ท่าน สัน นิ ฐาน ว่า เปลือก ไข่ อาจ มี สาร อาหาร ที่ จำ เป็น ต่อ การ เจริญ เติบ โต ของ หนอน ผี เสื้อ หรือ อาจ เป็น การ ทำลาย หลัก ฐาน และ ร่อง รอย ที่ จะ ทำใหศัตรู รู้ ถึง แหล่ง อาศัย ของ มัน เหมือนกับพ่อ แม่ ของ นก บาง ชนิด คาบ เปลือก ไข่ ของ ลูก ไป ทิ้ง ที่ อื่น หลัง จาก ที่ ตัว หนอน กัด กิน เปลือก ไข่ จน หมด ก็ จะ เริ่ม กิน ใบ พืช เป็น อาหาร ต่อ ไป
หนอน ลอก คราบ
หนอน เติบ โต โดย การ ลอก คราบ ประมาณ 4-5 ครั้ง ขณะ ที่ ผี เสื้อ กลาง วัน ลอก คราบ ครั้ง สุด ท้าย ผนัง ชั้น ใน เมื่อ สัมผัสกับอากาศ ภาย นอก จะ แข็ง ตัว กลาย เป็น เปลือก แข็ง หุ้ม ตัว มัน ไว้ เป็น ดักแด้ ส่วน หนอน ผี เสื้อ กลาง คืน นั้น เมื่อ มัน ลอก คราบ จน เติบ โต เต็ม ที่ แล้ว จะ ขับ ใย เหนียว ๆ ออก มา ทางรู spinneret เพื่อ ทำ เป็น รัง ไหม หุ้ม ตัว ใช้ เวลา ใน การ สร้าง รัง ไหม หุ้ม ตัว ประมาณ 12-13 ชั่ว โมง แล้ว จึง เข้า สู่ ระยะ ดักแด้ ต่อ ไป
ตัว แก้ว ตัว บุ้ง
หนอน ผี เสื้อ มี ชื่อ เรียก อีก หลาย อย่าง เช่น ตัว แก้ว หรือ หนอน แก้ว ตัว เขียว หวาน ตัว บุ้ง ตัว ร่าน หนอน ผี เสื้อ กลาง คืน บาง ชนิด มี ขน ที่ มี พิษ รุน แรง เมื่อ สัมผัสกับผิว หนัง ทำ ให้ เกิด ผื่น คัน หรือ เกิด อาการ แสบ ได้ มี รูป ร่าง หลาย แบบ ใน ภาพ เป็น หนอน ผี เสื้อ กลาง วัน วงค์ผี เสื้อ ขา หน้า พู่
หนอน กิน เพลี้ย
หนอน ผี เสื้อ บาง ชนิด ไม่ กิน ใบ พืช เป็น อาหาร เช่น หนอน ผี เสื้อ ดักแด้ หัว ลิง (Spalgis epeus) กิน พวก เพลี้ย เกล็ด หนอน ผี เสื้อ หนอน กิน เพลี้ย (Miletus chinensis)กิน เพลี้ย อ่อน หนอน ของ ผี เสื้อ มอท (Liphyra brassolis)อาศัย อยู่ ใน รัง ของ มด แดง กิน ตัว อ่อน ของ มด แดง หนอน ผี เสื้อ พวก นี้ จึง ช่วย กำจัด ศัตรู พืช บาง ส่วน ให้ เกษตร กร ได้ อย่าง ดี หนอน ศัตรู พืช ตัว หนอน ของ ผี เสื้อ ที่ สร้าง ความ เสีย หาย ให้ แก่ พืช ไร่ มี หลาย ชนิด ด้วย กัน เช่น หนอน ผี เสื้อ หนอน บัง ใบ กิน ชมพู่ เป็น อาหาร หนอน ผี เสื้อ ชอน ใบ ชอบ กิน ใบ ละ มุด หนอน ผี เสื้อ หนอน กอ ชอบ เจาะ ต้น ข้าวโพด หนอน ผี เสื้อ หนอน มะนาว ชอบ กัด กิน ใบ ส้ม ชนิด ต่าง ๆ หนอน ผี เสื้อ หนอน คืบ ชอบ กัด กิน ใบ เงาะ เป็น ต้น
วิธี ต่อ สู้ ศัตรู
รูป ร่าง ของ หนอน ผี เสื้อ แตก ต่าง ไป ตาม วงค์ของ ผี เสื้อ ระยะ ที่ เป็น ตัว หนอน เป็น ระยะ ที่ ค่อน ข้าง เสี่ยง ต่อ การ ถูก นก และ สัตว์ อื่น ๆ จับ กิน หนอน ผี เสื้อ บาง ชนิด จึง พราง ตัว ให้ กลม กลืนกับใบ ไม้ ที่ เกาะ อยู่ บาง ชนิด มี ต่อม กลิ่น (osmeterium) อยู่ ด้าน หลัง ของ ส่วน หัว สาม รถ ปล่อย กลิ่น ฉุน รุน แรง ทำ ให้ ศัตรู ไม่ กล้า เข้า ใกล้ บาง ชนิด ก็ สามารถ ขยาย ส่วน หน้า ของ ลำ ตัว ให้ พอง โต ได้ เพื่อ ข่ม ขู่ ศัตรู ดักแด้
ระยะ ที่ เป็น ดักแด้ ผี เสื้อ จะ ไม่ กิน อาหาร ใด ๆ เป็น เวลา นาน ราว 7-10 วัน เป็น ช่วง ที่ อันตราย มาก อีก ระยะ หนึ่ง เพราะ มัน จะ ต้อง อยู่ นิ่ง ๆ ตลอด เวลา แต่ ดักแด้ ก็ มี วิธี การ พราง ตัว ให้ กลม กลืนกับสภาพ แวด ล้อม ที่ อยู่ อาศัย เช่น มี สี เขียว เหมือน ใบ ไม้ มี สี น้ำ ตาล คล้าย ใบ ไม้ แห้ง บาง ก็ มี รูป ร่าง เหมือนกิ่งไม้ เป็น ต้น
รูป ร่าง ของ ดักแด้
รูป ร่าง ของ ดักแด้ ผี เสื้อ แต่ ละ ชนิด จะ แตก ต่าง กัน ไป การ วาง หรือ การ เกาะ ของ ดักแด้ ต่าง ๆ พอ จะ แบ่ง ออก ได้ เป็น 3 ลักษณะ คือ
เมื่อ ตัว หนอน ภาย ใน ดักแด้ เริ่ม เปลี่ยน แปลง รูป ร่าง จน โต เต็ม ที่ มี อวัยวะ เหมือน ผี เสื้อ ตัว เต็ม วัย ทุก ประการ แล้ว มัน จะ ใช้ ขา ดัน เปลือก ดักแด้ ให้ ปริ ออก ทางด้าน หลัง ของ ส่วน อก แล้ว ขยับ ตัว ออก มา จาก เปลือก จาก นั้น จึง ค่อย ๆ คลาน ออก ไป เกาะ พัก ให้ ปีก ที่ ยัง ยับ ยู่ ยี่ ห้อย ลง ทางด้าน ล่าง ใน ช่วง นี้ ผี เสื้อ จะ ขับ ถ่าย ของ เสีย (mecomium) ภาย ใน ร่าง กาย ที่ เกิด ขึ้น ระหว่าง เป็น ดักแด้ ทิ้ง จาก นั้น ผี เสื้อ จะ ทำ ให้ ปีก ที่ ยับ ยู่ ยี่ คลี่ ออก และ แข็ง แรง ขึ้น โดย หาย ใจ เอา อากาศ เข้า ไป ใน ตัว ให้ มาก ที่ สุด ทั้ง ทางรู จมูก ทางปาก แรง ดัน ของ อากาศ และ การ หด ตัว ของ กล้าม เนื้อ จะ ช่วย อัด ให้ เลือด ไหล เวียน ไป ตาม เส้น ปีก ช่วง นี้ ใช้ เวลา ประมาณ 20 นาที หลัง จาก นั้น มัน ยัง ต้อง เกาะ พัก ผึ่ง ปีก ที่ หมาด อยู่ ต่อ ไป อีก ประมาณ 1-2 ชั่ว โมง ปีก จึง จะ แห้ง สนิท แล้ว ใน ที่ สุด ก็ จะ ออก บิน เป็น ผี เสื้อ ตัว เต็ม วัย สมบูรณ์ พร้อม ที่ จะ ผสม พันธุ์ ต่อ ไป
ผี เสื้อ จัด เป็น สัตว์ ใน ไฟลัมอาร์โทร์โป ดา (Phylum Arthropoda) เช่น เดียวกับแมลง ทั่วๆ ไป ผี เสื้อ อยู่ ใน อัน ดับเลพิดอปเทอ รา (Orderlepidoptera) ของ ชันอินเซก ตา (Class Insecta) แมลง ที่ อยู่ ใน อัน ดับ นี้ มี ลักษณเด่น ตรง ที่ ปีก ปก คลุม ไป ด้วย เกล็ด สี เล็ก ๆ เรียง ซ้อน กัน คำ ว่าเลพิดอปเทอ รา (Lepidoptera) มา จาก คำ ใน ภาษา กรีก 2 คำ คือ เลพิส (Iepis) แปล ว่า ปีก นั่น ก็ คือ ปีก ,เกล็ด หรือ ปีก มี เกล็ด ทำไม เรา จึง เรียก แมลง ปีก บาง สี สด สวย นี้ ว่า ผี เสื้อ สันนิษฐาน กัน ว่า เนื่อง จาก ปีก ของ ผี เสื้อ มี สี สัน สด ใส เหมือนกับสี ของ เสื้อ ผ้า ที่ คน เราส วมใส่ และ การ ที่ ผี เสื้อ บิน ร่อน ไป มา ทำ ให้ คน โบราณ คิด กัน ไป ว่า มี ผี ไป สิง อยู่ ใน ตัว มัน แม้น แต่ ใน ปัจจุบัน ชาว ชน บท บาง แห่งก็ ยัง เรียก ผี เสื้อ ว่า แมลง ผี บาง ท่าน ก็ สัน นิ ฐาน ว่า มา จาก ผี เชื้อ เนื่อง จาก คติ ทางอีสาน เชื่อ ว่า การ ที่ มี ผี เชื้อ บิน มา เป็น กลุ่ม จำนวน มาก มาย จะ เกิด โรค ระ บาด จึง ทำ ให้ เข้า ใจ กัน ว่า ผี เสื้อ เป็น ผี เชื้อ โรค สำหรับ ทางภาค เหนือ เรียก ผี เสื้อ ว่า แมง กะ ป้อ หรือ แมง กะ เบี้ย ชื่อ เรียก ใน ภาษา อื่น มี เช่น ภาษา ญี่ปุ่น เรียก ว่าโจโจ้ ภาษา จีน แต้จิ๋ว เรียก ว่า หู่เตี๊ยบ ภาษา อังกฤษ ใช้ คำ ว่า Butterfly แต่ ไม่ ว่า แมลง ปีก บาง ที่ ประดับ ด้วย เกล็ด หลาก สี สัน นี้ จะ มี ชื่อ เรียก อย่าง ไร ก็ ตาม ผู้ คน ต่าง ยอม รับ ว่า ผี เสื้อ คือ หนึ่ง ใน หมู่ แมลง ที่ สร้าง ความ สวย งาม ให้ แก่ ธรรม ชาติ
บทความ... เรื่องที่ 3
เรื่อง การกำเนิดของผีเสื้อ
การเจริญเติบโตของผีเสื้อแตกต่างจากบรรดาแมลงชนิดอื่นทั้งหลาย โดยปรากฏเป็นจตุวัฏจักร ดังนี้ คือ 1. ระยะไข่ (Egg Stage) 2. ระยะบุ้ง (Caterpillar Stage หรือ Larva Stage) 3. ระยะดักแด้ (Pupa Stage หรือ Chrysalis Stage) และ 4. ระยะเจริญวัย (Adult Butterfly Stage หรือ Imago Stage)
อนึ่ง มีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่าผีเสื้อมีวงจรชีวิตสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพรรณ ผีเสื้อบางพรรณอาจมีอายุเพียงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่บางพรรณมีอายุยาวถึงหนึ่งปี โดยส่วนใหญ่จะมีอายุยาวในระยะบุ้ง ในขณะที่แมลงชนิดอื่นอาจหยุดการเจริญเติบโตได้ในระยะไข่หรือระยะดักแด้แล้วจึงดำเนินชีวิตต่อไปในฤดูหนาว
ก่อนวางไข่ ตัวเมียมักตรวจสอบกลิ่นพืช โดยใช้หนวดและขนบริเวณปลายขาซึ่งมีเส้นประสาทรับกลิ่นสัมผัสกับตำแหน่งที่วางไข่ก่อน วิธีการนี้ทำให้ผีเสื้อสามารถวางไข่บนพืชอาหารของตัวเองได้อย่างถูกต้อง
ระยะวางไข่ผีเสื้อโดยทั่วไปตัวเมียจะวางไข่ประมาณหนึ่งร้อยฟอง มีอายุ 5-7 วัน และในหนึ่งร้อยฟองนี้ใช่ว่าจะเกิดเป็นผีเสื้อหนึ่งร้อยตัวในธรรมชาติเลย อัตราการรอดของผีเสื้อกลายมมาเป็นแมลงปีกสวยแค่ร้อยละ 2 เท่านั้น ที่เหลือต้องสวมบทบาทเป็นเหยื่อของนกและแมลงบางชนิดไปหรืออาจจะถูกลมฟ้าพัดพาไข่ให้ล่องลอยไปหมดโอกาสเป็นผีเสื้อในวันข้างหน้า
ดังนั้นวิธีการหลบเลี่ยงศัตรูของผีเสื้อจะใช้วิธีการพรางตัวให้กับใบไม้กิ่งไม้ บางครั้งหากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ากิ่งไม้แห้งมีผีเสื้อหลบภัยอยู่ ผีเสื้อส่วนใหญ่วางไข่ในลักษณะกระจาย คือ ไม่วางไข่ทั้งหมดอยู่บริเวณเดียวกัน จะวางเพียง 1-2 ฟองเท่านั้น ตำแหน่งที่วางไข่อาจแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มักวางไข่ด้านล่างของใบพืช
ไข่ของผีเสื้อมีลักษณะของขนาด รูปร่าง สีสัน และลวดลายแตกต่างกันไป โดยขนาดของไข่นั้นจะเล็กมาก ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาไข่ของผีเสื้อ เปลือกไข่ประกอบด้วยสารไคติน ที่เป็นสารชนิดเดียวกับเปลือกลำตัวของผีเสื้อและแมลงชนิดอื่นๆ และเมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์จะพบรูเปิดเล็กๆเรียกว่า ไมโครพาย (micropyle)เป็นรูที่ทำให้น้ำเชื้อตัวผู้เข้าไปผสมกับไข่ของตัวเมียได้
จากวิกิพีเดีย
การ วาง ไข่
หลัง จาก ที่ ผี เสื้อ ตัว เมีย ได้ รับ การ ผสม พันธุ์ แล้ว สัก ระยะ หนึ่ง มัน จะ บิน หา ต้น พืช ที่ เป็น อาหาร ของ ตัว หนอน เพื่อ วาง ไข่ โดย มัน จะ แตะ ปลาย ท้อง ใน ท่า ที่ จะ วาง ไข่ สัมผัสกับใบ พืช และ รู้ ด้วย สัญชาตญาณ พิเศษ ทัน ที ว่า ใช่ ใบ พืช ที่ เป็น อาหาร ของ ตัว หนอน หรือ ไม่ ถ้า ไม่ ใช่ มัน ก็ จะ บิน หา ต่อ ไป แต่ ถ้า ใช่ มัน จะ ยื่น ส่วน ท้อง ออก เล็ก น้อย แล้ว ค่อย ๆ วาง ไข่ ขณะ ที่ วาง ไข่ ผี เสื้อ จะ ขับ สาร เหนียวๆ ออก มา ด้วย เพื่อ ให้ ไข่ ยึด ติดกับใบ ไม้ ผี เสื้อ ส่วน ใหญ่ วาง ไข่ ไว้ ใต้ ใบ แต่ ก็ มี บาง ชนิด ที่ วาง ไข่ ไว้ บน ใบ สำหรับ ผี เสื้อ ที่ ตัว หนอน กิน ใบ หญ้า เป็น อาหาร มัน จะ ใช้ วิธี บิน เรี่ยๆต้น หญ้า แล้ว ปล่อย ไข่ ลง มา โดย ที่ มัน ไม่ ต้อง เกาะ บน ใบ หญ้า เลย ผี เสื้อ ประเภท นี้ จะ วาง ไข่ ครั้ง ละ มาก ๆ เพราะ ต้อง เผื่อ ไข่ บาง ส่วน ที่ ขาด หาย ไป ผี เสื้อ กลาง คืน มัก จะ วาง ไข่ เป็น กลุ่ม และ สลัด ขน จาก ลำ ตัว ของ มัน ปก คลุม ไข่ ไว้
หนอนอนึ่ง มีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่าผีเสื้อมีวงจรชีวิตสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพรรณ ผีเสื้อบางพรรณอาจมีอายุเพียงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่บางพรรณมีอายุยาวถึงหนึ่งปี โดยส่วนใหญ่จะมีอายุยาวในระยะบุ้ง ในขณะที่แมลงชนิดอื่นอาจหยุดการเจริญเติบโตได้ในระยะไข่หรือระยะดักแด้แล้วจึงดำเนินชีวิตต่อไปในฤดูหนาว
ระยะไข่
ในภาวะการสืบพันธุ์แบบปกติแล้วตัวเมียจะผสมกับตัวผู้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ตัวผู้จะผสมกับตัวเมียได้หลายตัว เมื่อผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียจะหาที่วางไข่บนใบ และลำต้นของพืชอาหาร การเลือกพืชอาหารสำหรับไข่จะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของผีเสื้อพรรณ (specie) นั้น ๆก่อนวางไข่ ตัวเมียมักตรวจสอบกลิ่นพืช โดยใช้หนวดและขนบริเวณปลายขาซึ่งมีเส้นประสาทรับกลิ่นสัมผัสกับตำแหน่งที่วางไข่ก่อน วิธีการนี้ทำให้ผีเสื้อสามารถวางไข่บนพืชอาหารของตัวเองได้อย่างถูกต้อง
ระยะวางไข่ผีเสื้อโดยทั่วไปตัวเมียจะวางไข่ประมาณหนึ่งร้อยฟอง มีอายุ 5-7 วัน และในหนึ่งร้อยฟองนี้ใช่ว่าจะเกิดเป็นผีเสื้อหนึ่งร้อยตัวในธรรมชาติเลย อัตราการรอดของผีเสื้อกลายมมาเป็นแมลงปีกสวยแค่ร้อยละ 2 เท่านั้น ที่เหลือต้องสวมบทบาทเป็นเหยื่อของนกและแมลงบางชนิดไปหรืออาจจะถูกลมฟ้าพัดพาไข่ให้ล่องลอยไปหมดโอกาสเป็นผีเสื้อในวันข้างหน้า
ดังนั้นวิธีการหลบเลี่ยงศัตรูของผีเสื้อจะใช้วิธีการพรางตัวให้กับใบไม้กิ่งไม้ บางครั้งหากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ากิ่งไม้แห้งมีผีเสื้อหลบภัยอยู่ ผีเสื้อส่วนใหญ่วางไข่ในลักษณะกระจาย คือ ไม่วางไข่ทั้งหมดอยู่บริเวณเดียวกัน จะวางเพียง 1-2 ฟองเท่านั้น ตำแหน่งที่วางไข่อาจแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มักวางไข่ด้านล่างของใบพืช
ไข่ของผีเสื้อมีลักษณะของขนาด รูปร่าง สีสัน และลวดลายแตกต่างกันไป โดยขนาดของไข่นั้นจะเล็กมาก ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาไข่ของผีเสื้อ เปลือกไข่ประกอบด้วยสารไคติน ที่เป็นสารชนิดเดียวกับเปลือกลำตัวของผีเสื้อและแมลงชนิดอื่นๆ และเมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์จะพบรูเปิดเล็กๆเรียกว่า ไมโครพาย (micropyle)เป็นรูที่ทำให้น้ำเชื้อตัวผู้เข้าไปผสมกับไข่ของตัวเมียได้
จากวิกิพีเดีย
การ
หนอน
- แบบ
ห้อย เอา หัว ลง แขวน ไว้กับกิ่งไม้ เช่น ดักแด้ ของ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ หนอน ใบ รัก ดักแด้ ของ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ ขา หน้า พู่ - แบบ
เกาะ อยู่กับกิ่งไม้ โดย การ พัน ใย เกี่ยว ไว้ รอบ ลำ ตัว เช่น ดักแด้ ของ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ หาง ติ่ง ดักแด้ ของ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ หนอน กะหล่ำ - แบบ
วาง ราบ ตาม พื้น หรือ อยู่ ใน ใบ ไม้ ที่ ม้วน กัน เป็น หลอด เช่น ดักแด้ ของ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ บิน เร็ว ดักแด้ ผี เสื้อ ใน วงศ์ ผี เสื้อ สี ตาล
|